วันพุธที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

ประสบการณ์การผ่าฝีคัณฑสูตร

ขออนุญาต เล่าและแบ่งปันเรื่องราวประสบการณ์ของผมที่ได้ไปผ่าฝีคัณฑสูตรบ้างครับผม ..
.
ผมรู้ตัวเองว่าเป็นฝีคัณฑสูตรครั้งแรกก็เมื่อประมาณ 4-5 ปีที่แล้ว ตอนนั้นจำได้ไม่ลืมเพราะ
อยู่ๆก็รู้สึกปวดก้น ใกล้ๆรูทวารหนัก เอามือลูบๆจับดูปวมเป่งเลย
เหมือนกับมันเป็นฝีอยู่ข้างใน กินไม่ได้นอนไม่หลับ นอนหลับๆตื่นๆพลิกซ้ายก็เจ็บพลิกขวาก็เจ็บ ต้องสะดุ้ง
ตื่นตอนนอนเพราะความเจ็บเป็นสิบๆรอบ แถมเป็นไข้ด้วย    เรียกได้ว่าทรมานสุดๆ
จะไปหาหมอก็ไม่กล้า เพราะไม่รู้จะบอกหมอว่าไง ถ้าหมอขอดูไอ้ที่ปวด ต้องถลกกางเกงให้หมอดูเหรอ? อายหมอตายน่ะสิ?
เจ็บแบบนี้ถึง4วัน4คืน จนทนไม่ไหว ตายเป็นตายจึงตัดสินใจไปหาหมอ... ตอนนั้นไปโดยใช้สิทธิ์ประกันสังคม ก็ตามที่คิดไว้เลย
หมอให้ถอดกางเกง นอนตะแคงแล้วงอขา เพื่อดูตรงที่ปวด แล้วหมอบอกว่า ต้องผ่าน่ะ..ผมตอบไปว่า "ครับหมอ"ตอนนั้นคิดไว้แล้วว่า
ถึงยังไงก็ต้องผ่า แต่การผ่าครั้งนี้เรียกได้ว่า เจ็บที่สุดในชีวิตเลยก็ว่าได้(ทำให้ต่อมา กลัวการผ่าฝีคัณฑสูตรเข้าไส้เลยก็ว่าได้)
คุณหมอผ่าโดยการฉีดยาชาเฉพาะที่(คุณหมอว่างั้น)แต่ไม่มีความรู้สึกชาเลยแม้แต่น้อย เจ็บสุดๆ คุณหมอใช้เวลาผ่า
เอาหนองออก ประมาณ 15 นาทีแล้วเอา
ผ้าก๊อตยัดเข้าไปในแผล เอาผ้าก็อตปิดแผลอีกชั้นนึง นัดอีก 4 วันให้มาหาหมอมาล้างแผล ตอนนั้นคิดไว้แล้วว่า ยังไงก็ไม่มาแล้ว คุณหมอมือหนักชะมัดเข็ดจริงๆ
.
แต่เอ่อออออ!!.ความเจ็บปวดที่ทรมานมา4วันรวมทั้งไข้ที่เป็นนั้น มันหายไปเลยในทันที โอ้ววว วิเศษมาก...
สำหรับตอนนั้นผมก็คิดว่ามันคือการเป็นฝีธรรมดา
เพราะหมอที่ผ่าก็ไม่ได้บอกอะไรเลย หลังจากที่ผ่า มันก็มีน้ำหนองไหลแบบเป็นๆหายๆ วันดีคืนดี จากที่เป็นจุดเดียว พวกก็เพิ่มมาให้ทรมานอีก
โดยเป็นตุ่มฝีอีกฝั่งนึง แต่ครั้งนั้นทนเจ็บอยู่ 2 วันรวมทั้งเป็นไข้ด้วย อยู่ๆมันก็แตกเอง (ดีแฮะ)..หลังจากนั้น มันก็ผลัดกันเป็นผลัดกันหาย
พวกก็ผลัดกันเป็น ผลัดกันปวด ผลัดกันบวม ผลัดกันแตก ทนทรมานวนเวียนแบบนี้มา 4-5 ปี ทุกครั้งที่เป็นมันจะพาให้เราพาลเป็นไข้ไม่มีกระจิตกระใจ
ทำอะไรเลย.
.
จนครั้งล่าสุด รู้สึกตัวเองเลยว่าเป็นหนักกว่าครั้งแรก คิดว่ามันคงเป็นฝีอยู่ในจุดที่ลึกที่สุด ครั้งนี้ทรมานยิ่งกว่าครั้งแรก แบบทนเจ็บทนเป็นไข้อยู่3วัน
ไม่ไหวแน่ เลยตัดสินใจไปหาหมอ ไปหาโรงพยาบาลเอกชนดีกว่า ยอมเสียตังค์เผื่อจะไม่เจ็บเหมือนครั้งแรก (ครั้งแรกแค่คิดก็สยองแล้ว)
ก่อนไปหาหมอ ผมรู้แล้วว่ายังไงก็ต้องผ่าเหมือนครั้งแรก แต่ครั้งนี้ผมรู้แล้วว่าตัวผมเป็นอะไรแน่ เพราะหาข้อมูลอาการของโรคนี้
ก็ตั้งแต่ตอนที่มันเรื้อรังไม่ยอมหาย คือหาข้อมูลในเน็ตนี่แหล่ะครับ
.
ไปโรงพยาบาล แจ้งอาการตรงเค้าเตอร์ แล้วไปยังส่วนศัลยกรรม เพื่อพบคุณหมอ ...คุยกับหมอศัล คุณหมอซักประวัติเล็กๆน้อยๆ แล้วถอดกางเกง จับตรงบวมนิดนึง
มือคลึงตรงตุ่มอีกข้างหน่อยนึงที่มันเป็นๆหายๆ  หมอก็ทราบทันทีว่าผมเป็นฝีคัณฑสูตร
.
แล้วคุณหมอก็มานั่งคุยวิธีการรักษา ว่า ถ้าคนไข้จะผ่าระบายหนองก็ได้ แต่ถึงยังไงมันก็ไม่หายขาด ทนเจ็บครั้งเดียวผ่าใหญ่ไปเลยไม่ดีหรือ? โอกาสหายขาด 90-95
เปอร์เซนต์เลย
.
ตอนนั้นเตรียมใจมาเพื่อผ่าระบายหนองออกอย่างเดียว แต่คุณหมอแนะนำและเสนอมาอย่างนั้น ผมเห็นด้วยกับคุณหมอเป็นอย่างยิ่ง
(ผมคิดว่าใครที่เป็นอย่างผม ต้องคิดอยากจะหายขาดกันทุกคนเหมือนผมแน่ๆ)
ก็เลยถามคุณหมอ1.เรื่องค่าใช้จ่ายเท่าไหร่?..2.ผ่าใหญ่ครั้งเดียว เจ็บตัวครั้งเดียว โดยไม่ต้องผ่าเล็กเพื่อระบายหนองอันที่ปวดออกก่อน
ใช่หรือไม่?.. 3.ไม่ได้เตรียมตัวอะไรมาเลย (แม้แต่เสื้อผ้า หรือการงดอาหารงดน้ำก่อนการผ่า) สามารถผ่าได้หรือไม่?
.
คุณหมอตอบ ข้อ 2 กับ ข้อ 3 ว่า"ได้ ทำได้เลย นอนโรงพยาบาล 1 คืนสามารถกลับบ้านได้เลย"
ส่วนข้อ1 เรื่องค่าใช้จ่าย ให้คุยกับเจ้าหน้าที่อีกฝ่าย เจ้าหน้าที่แจ้งว่า ค่าเหมาจ่ายทั้งหมด รวมค่าห้อง 28000 บาท มีส่วนลด(น่าจะเพราะครอบครัวผมลูกและเมียรักษาที่นี่ทุกครั้ง)
สรุปเหมาจ่าย 23000 บาท .. อย่างที่บอกครับ ตอนนั้นไม่ได้เตรียมตัวเพื่อผ่าใหญ่เลยแม้แต่น้อย ก็เลยขอออกมานอกห้อง
ปรึกษากับแฟน แต่ใจผมได้ตัดสินตกลงที่จะยอมผ่าแล้ว ส่วนแฟนผมเห็นผมทรมานเพราะโรคนี้มานานก็สงสาร แพงมากกว่านี้ แฟนผมบอกก็ยอมจ่าย
(ซึ้งน้ำตาแทบไหล)ตกลงเห็นตรงกันว่าผ่า ก็เลยไปแจ้งกับเจ้าหน้าที่และถามถึงการเตรียมตัว.
เจ้าหน้าที่ เอาแบบห้องมาให้เลือก งงๆ ก็เลยถาม เจ้าหน้าที่ว่า ถ้าเลือกได้ก็ขอเลือกห้องเดี่ยวที่แพงที่สุด 555+ ผมว่าทุกคนก็ต้องเลือกแบบผม
เพราะมันเป็นราคาเหมารวม จะเลือกห้องถูกก็ราคาเหมารวม 23000 บาท จะเลือกห้องแพงก็ราคาเหมารวม 23000
สรุป  ไม่มีใครเลือกห้องถูกหรอกครับ(นึกในใจ จนท.เอามาให้เลือกเพื่อ?)สรุปที่ผมเลือก เป็นห้องเดี่ยว รวมค่าอาหาร รวมอะไรไม่รู้หลายอย่าง
ราคาห้องนี้จำได้อยู่ที่ประมาณ เกือบ 4000 ต่อคืน.. ตอนที่นั่งพิมพ์อยู่นี่ ยังนึกเลยว่า การผ่าครั้งนี้คุ้มจริงๆ ถือว่าไม่แพงเลยกับเงินที่เสียไป
เพราะคำนวณจากบุคลากรที่ต้องมาง่วนอยู่กับผมนี่หลายคนหลายฝ่าย เช่น ฝ่ายวัดไข้วัดความดันตอนนอนพักฟื้น1คืน มาวัดทุก 3-4ชม.ฝ่ายเอ๊กเรย์ ฝ่ายตรวจคื่นหัวใจ ฝ่ายตรวจเลือดเจาะเลือด เจ้าหน้าที่ฝ่ายที่เฝ้าที่ห้อง
พักฟื้น เจ้าหน้าที่ที่อยู่ในห้องผ่าอีก 6 คนมี หมอฉีดยาบล็อคหลัง 1คน(อยู่ในห้องชวนคุยจนผ่าเสร็จ) หมอศัล 1 คน เจ้าหน้าที่คุมเครื่องอะไรไม่ทราบที่เอาสายระโยงระยางมายังตัวผม
1คน .ผู้ช่วยอีก 3 คน เห็นเดินเข้าๆออกๆ คอยช่วยทำอะไรบ้างก็ไม่อาจทราบได้ครับ เพราะพอหมอบล็อคหลังเสร็จ เจ้าหน้าที่ก็
เอาผ้ามากั้นไม่ให้เห็นว่า หมอและเจ้าหน้าที่ทำอะไรบ้าง
-----------------------

ขอเข้าเรื่อง เริ่มขั้นตอนการผ่าเลยละกันครับ หลังจากที่คุยกับเจ้าหน้าที่ ตัดสินใจเรื่องห้องและจองห้องเรียบร้อยแล้ว แฟนผมก็กลับบ้านไปเอาเสื้อผ้าและกดเงิน
มาเผื่อเป็นค่าใช้จ่ายอื่นๆ ส่วนตัวผมเจ้าหน้าที่ถามว่าทานข้าวกับดื่มน้ำมาล่าสุดเมื่อไหร่ ผมบอกว่าประมาณ 3 ชม.ที่แล้ว เท่านั้นแหล่ะ จนท.
ก็ให้แผนกรถเข็นมาเข็นผม
เพื่อเข้าสู่กระบวนการในการผ่าฝีคัณฑสูตรในทันที โดยด่านแรกเริ่มที่พยาบาลพาไปห้องเอ๊กเรย์ ถอดเสื้อ เอาอกแนบกับเครื่อง และหายใจเข้าพร้อมกลั้นหายใจ
แค่นั้นเองเป็นอันเสร็จแล้ว หลังจากนั้นก็เอาชุดโรงพยาบาลมาให้เปลี่ยน ส่วนชุดของผมที่ติดตัวมา จนท.บอกว่าจะใส่ถุงเอาไปไว้ที่ห้องให้...
ด่านต่อไปคือ ด่านเจาะเลือด+ใส่สายน้ำเกลือ.. พยาบาลน่ารัก มือเบามาก เจาะไม่เจ็บเลย เอาเข็มเจาะแล้วคาไว้ หลังจากนั้น
เอาสลิงมาดูดเลือดดูดเสร็จก็เอาสายน้ำเกลือมาเสียบแทน 
เจาะไปด้วยพร้อมทั้งชวนคุยไปด้วย บอกว่าพรุ่งนี้ก็มีคนไข้อีกราย
เป็นชาวอินเดีย นัดกับหมอศัลท่านที่จะผ่าให้ผมนี้แหล่ะ จะมาผ่าฝีคัณฑสูตรเหมือนกัน แต่รายชาวอินเดียคนนั้นอาการเยอะกว่าผมมาก
ด้วยความตื่นเต้นผมก็ฟังไปงั้นๆ แบบไม่ค่อยสนใจ
ฟังหูซ้ายทะลุหูขวาว่างั้น
เพราะ ณ.วินาทีนั้นใครจะเป็นไงก็ไม่สนแล้ว ปวดฝีมากๆด้วย รู้สึกว่าไข้จะขึ้นด้วย ผสมกับความกลัวตายด้วย ก็เลยถามพยาบาลว่า
หมอศัลจะใช้วิธีฉีดยาชาหรือบล็อคหลังครับ?
ผมถามไปแค่นั้นจริงๆ ..แต่พยาบาลตอบยาวยืดเลย บอกว่าบล็อคหลังค่ะ แถมพยาบาลยังเล่าประสบการณ์ที่ตนเองเคยโดนบล็อคหลังมาก่อนตอนคลอดลูกให้ฟังด้วยว่า
พยาบาลบอกว่าไม่ค่อยรู้สึกเจ็บ แต่แค่แปร๊บๆตอนหมอฉีดยาเข้าไป ความรู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างวิ่งเข้าไปในไขสันหลัง
คล้ายๆลูกมะนาวกลิ้งไปกลิ้งมาในนั้น อีกแป๊บนึงตั้งแต่ช่วงเอวจนถึงขาก็จะไม่รู้สึกเหมือนขาหายไป แต่กระดิกขาไปมาได้ ไม่ต้องห่วงไม่รู้สึกเจ็บอะไรเลย
พูดพร้อมทั้งทำหน้ายิ้มๆเหมือนจะหัวเราะ(กำ) ..ครับผม ตอนนั้นผมรับสภาพได้แล้วครับ ผมว่าถ้าบล็อคหลังแล้ว
ยังไงก็คงไม่รู้สึกเจ็บหรอก เจ็บตอนไปผ่าฝีระบายหนองอันนั้นเจ็บที่สุดในชีวิตผมแล้ว แต่ถึงจะเจ็บกว่าครั้งนั้นผมก็คงรับสภาพได้ สู้โว้ยยย..
ด่านต่อไป เจ้าหน้าเปลี่ยนรถเข็นเป็นแบบนอนเข็นขึ้นลิฟไปชั้นบน จำไม่ได้ว่าชั้นไหน แต่รู้สึกว่าชั้นนี้วังเวงมาก สภาพชั้นนี้เงียบ แถมบรรยากาศอืมครึมมาก
พนักงานเข็นผมไปหยุดยังด่านต่อไปคือ
แผนกวัดคลื่นหัวใจ แผนกนี้จะเอาสายอะไรไม่รู้เยอะแยะระโยงระยาง มีทั้งจุ๊บยางบีบแล้วติดตามหน้าอกผม ประมาณสักเกือบ 6-8อันได้ น้องพยาบาลถามว่าเจ็บไหม?
ไม่เจ็บเลยครับ สิวๆ ไม่ระคายผิวด้วยซ้ำ ..แต่ผมนอนบนเตียงพร้อมทั้งสายต่างๆ ผมอยู่ห้องนี้นานหน่อย
อยู่เกือบครึ่ง ชม.ได้มั้ง เจ้าหน้าที่ก็เดินเข้าๆออกๆ.. คาดว่า คุณหมอศัลยังไม่พร้อม แต่ก็ดีเหมือนกัน ตั้งแต่ออกจากบ้านมาผมก็ยังไม่พร้อมที่จะผ่าตัดใหญ่เหมือนกัน
ก็เลยใช้ช่วงนี้นอนหลับตา ใช้เป็นเวลาทำใจ ใช้เป็นเวลาปลงสังเวชตัวเอง เตือนตัวเองไม่ให้กลัว.
พอถึงเวลา คาดว่าทั้งเครื่องมือพร้อม ห้องพร้อม คุณหมอพร้อม อะไรหลายๆอย่างพร้อมแล้วมั้ง จึงได้เริ่มเข็นผมไปยังอีกห้องนึงไม่ไกลจากตรงนั้นมากนัก ซึ่งก็คือ
ห้องผ่านั่นเอง ...เจ้าหน้าที่เข็นผม ไปหยุดอยู่ในห้อง ซึ่งเป็นห้องที่เย็นมากๆ
แล้วก็ให้ผมลุกขึ้นไปนอนอยู่บนเตียงที่ใช้สำหรับผ่าตัด น้องพยาบาลที่ตรวจวัดคลื่นหัวใจผมก่อนหน้า ก็เอาเครื่องตรวจชีพจรหรืออะไรไม่ทราบ
ที่มันคอยร้องเตือนมีเสียงดังตามจังหวะการเต้นของหัวใจ ดังติ๊ดๆ(มั้ง)สักแป๊บ หมอวิสัญญีก็เข้ามา นับรวมแล้วในห้องนี้มี6คน รวมผมด้วยเป็น7 ..3คนน่าจะเป็นผู้ช่วย
1คนคือหมอศัลทำหน้าที่ผ่า อีก1คือหมอบล้อคหลัง อีก1เห็นนั่งคุมเครื่องวัดคลื่นหัวใจ ..อุปกรณ์ต่างๆพร้อมแล้ว เปิดโคมไปสำหรับส่องผ่าตัดหลอดใหญ่ๆข้างบน สว่างจ้า
หมอสัญก็จัดแจงให้ถลกเสื้อขึ้น นอนหันข้างไปทางซ้ายพร้อมทั้งให้
งอเข่าให้ชิดกับอกมากที่สุด โดยมีผู้ช่วยอีก 3 คนคอยช่วยดันขาให้งอชิดอก หมอสัญก็อธิบายไปด้วยฉีดยาเข้าหลังไปด้วย อยากบอกว่าไม่รู้สึกเจ็บเลย สิวๆ ครับ..หมอสัญบอกว่าไม่เจ็บ
หรือมีอะไรก็บอกได้ พูดอะไรหลายๆอย่างเพื่อคอยให้กำลังใจผม รู้สึกว่าหมอสัญคนนี้ใจดีมาก แต่ผมจำไม่ได้เลยว่าแกว่าอะไรบ้าง เพราะตอนนั้นกลัวเจ็บ แต่มันก็ไม่เจ็บจริงๆเหมือนที่หมอสัญว่าเลยครับ หลังจากนั้นอีกแป๊บส่วนล่างตั้งแต่เอวลงมาจะชา แต่จะขยับขาได้นิดหน่อย (หมอสัญว่างั้น) เหมือนพยาบาลที่เจาะเลือดบอกไว้เปี๊ยบเลย..
หลังจากนั้นชาจริงๆครับไม่รู้สึกเลย
เหมือนขาหายไปเลยจริงๆ เจ้าหน้าที่ยกขาผม2ข้างขึ้นขาหยั่ง เหมือนกับขั้นตอนที่ผู้หญิงคลอดลูกไม่มีผิด ความรู้สึกผมตอนนั้น รู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูกที่ความรู้สึกส่วนล่าง
หายไป เหมือนมันเมื่อยก็ไม่ใช่ ทรมานกับความรู้สึกแบบนี้จริงๆ ..ทำให้นึกเห็นใจและสงสารคนอำพาตขึ้นมาทันที หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ผู้ช่วยก็เอาผ้ามากั้นประมาณกลาง
ท้องของผม ก็เลยไม่เห็นเลยว่า คุณหมอและผู้ช่วยทั้ง3 ทำอะไรกับก้นผมบ้าง ..แต่คาดว่าต้องยากพอสมควรเพราะบางจังหวะเหมือนมีการดันๆอะไรบางอย่างเข้าไปที่ก้นความรู้สึกจับได้ว่ามันสะเทือนถึงกระเพาะเลย
แต่ไม่มีความรู้สึกเจ็บเลยสักนิด ณ.ขณะนั้นเวลาผ่านไปแต่ละนาทียาวนานมาก มีแต่เสียงติ๊ดๆของเครื่องวัดการเต้นของหัวใจเท่านั้นที่อยู่เป็นเพื่อนผมตลอดเวลา บางคราที่ผมรู้สึกตื่นเต้นหรือกลัวมากหน่อยจับจังหวะเจ้าเครื่องนี้
รู้สึกว่ามันเร็วถี่ขึ้นตามความกลัวของผม ก็เลยบังคับตัวเองให้คิดสบายๆพยายามนึกแต่สิ่งดีๆ นึกถึงวันคืนที่สวยงามที่จะหายขาดจากโรคที่เป็นอยู่ก็ทำให้มีความสุขใจขึ้นมาได้บ้าง
เสียงแว่วๆ คุณหมอและผู้ช่วยคุยกันอย่างแผ่วเบา จนเวลาล่วงเลยประมาณครึ่ง ชม.การผ่าตัดก็สำเร็จเสร็จสิ้น
.
การผ่าตัดเสร็จเรียบร้อย ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี คุณหมอศัลก็เอาแท็บเล็ตของคุณหมอที่เก็บภาพถ่ายผลงานการผ่าฝี โดยมีผมเป็นนายแบบให้ดู มีรูปอยู่ประมาณ 5-6
รูปได้มั้ง แต่มีอันที่คุณหมอตั้งใจให้ผมดูและได้อธิบายไปด้วยก็คือ
เป็นภาพผลงานการผ่าขั้นตอนที่เสร็จเรียบร้อยแล้ว ผมเห็นแล้วตกใจมาก สยอง เหมือนบริเวรตรงทวารหนักตรงนั้นไปโดนระเบิดมายังไงยังงั้นเลยครับ จำแทบไม่ออกเลยว่า
รูทวานหนักมันอยู่ตรงไหน
ลักษณะเหมือนโดนกรีดจากรูทวารหนักออกมาหาตรงจุดที่เป็นฝี เนื้อสดๆติดเลือดเละๆปูดออกมาเป็นทาง3-4ทาง... คุณหมอบอกว่าผ่าครั้งนี้คนไข้คุ้มมากเลยนะ เพราะตอนแรก
ที่หมอตรวจดู
คาดว่าคงต้องเลาะแค่2จุด แต่ไปๆมาๆตรวจเจอเพิ่มอีก 1 หรือ2จุดนี่แหล่ะ คุณหมอก็เลยจัดการให้ซะเป็นของแถม (แอบเห็นคุณหมอทำหน้าอมยิ้มด้วยความภูมิใจ)
และหมอให้คนไข้นอนหงายลักษณะนี้ 6 ชม.ห้ามลุกนั่งหรือเดิน หรือนอนตะแคง เป็นอันขาดนะครับ ผ่าน6ชม.ไปแล้วสามารถลุกนั่ง นอนตะแคง ได้ แต่อย่าเพิ่งเดิน
คุณหมอบอกต่ออีกว่าโอกาสหายนี่สูงถึง90-95%เลยที่เดียว และคนไข้ไม่ต้องกลัวหรือกังวลใดๆกับแผลที่เอาให้ดู
เพราะแผลนี้จะหายไวมาก ไม่ถึงอาทิตย์ก็จะมีเนื้อมาสมานและส่วนเนื้อที่หายไปก็จะขึ้นมาเต็ม  ไม่ต้องแช่น้ำอุ่น ไม่ต้องหายามาทา ไม่ต้องเย็บปิดแผล
หรือเอาอะไรมาแปะปิดแผลใดๆทั้งสิ้น ให้ใช้ชีวิตตามปรกติ
ขับถ่ายปรกติ ตอนอาบน้ำก็ไม่ต้องกลัวแผลโดนน้ำ คุณหมอแนะนำให้ตอนอาบน้ำเอาสบู่ฟอกตรงก้นรวมทั้งตรงแผลที่ผ่าด้วย ฟอกให้ทั่วแล้วล้างออก ..
และที่สำคัญตอนขับถ่าย ช่วงแรกๆขับถ่ายจะมีเลือดออกมานิดหน่อยบ้างไม่ต้องตกใจ ไม่ต้องกลัวอุจาระจะโดนแผล โดนก็ให้ล้างก้นตามปรกติ หลังจาก1 อาทิตย์ไปแล้วเลือดที่ปนออกมาตอนขับถ่ายจะหายไปเอง
หรือถ้ามีก็จะเป็นเลือดใสๆไม่เข้มข้นเหมือนตอนขับถ่ายครั้งแรกๆที่ผ่าตัดมา ..ช่วงแรกที่ผ่าทานอาหารได้ทุกอย่าง ไม่มีอาหารที่จะต้องงดใดๆ
แต่อยากจะให้เพิ่มอาหารจำพวกโปรตีนให้มากเท่านั้นเอง หลังจากผ่าตัดจะมีเลือดปนน้ำเหลืองออกเป็นธรรมดา ให้คนไข้ใส่ผ้าอนามัยเพื่อเป็นตัวซับเลือดและน้ำเหลือง หลังจาก
1อาทิตย์ไป ลักษณะน้ำเหลืองที่ออกมาจะใสขึ้นและจำนวนจะน้อยลงตามลำดับ ประมาณ1เดือนจะเริ่มเข้าสู่ภาวะปรกติ
.
คุณหมออธิบายเสร็จ เจ้าหน้าที่ก็ช่วยกันดันร่างผมย้ายไปสู่เตียงเข็นอีกอัน เพื่อไปยังห้องพักฟื้น ที่อยู่ใกล้ๆ...มีเจ้าหน้าที่พยาบาลที่คอยเฝ้า ตรวจความดัน หาหมอนหาผ้าห่มมาให้
ด้วยความเพลียหรือไงไม่ทราบผมได้แอบงีบหลับไปน่าจะนานพอสมควร มารู้ตัวอีกทีก็ตอนที่ตนเอง รู้สึกตัวว่าเริ่มหายใจหอบ มีอาการเหมือนหน้ามีด และร่างกายสั่นสะท้าน
ก็เลยเรียก เจ้าหน้าที่ที่ทำหน้าที่เฝ้าอยู่...แจ้งอาการไปตามที่บอก เจ้าหน้าที่รีบปรับที่นอนให้ตรงส่วนหัวผมสูงขึ้น แล้วเอาหมอนอีกอันมาหนุนให้ พร้อมทั้งหาผ้าห่มมาให้ห่มเพิ่ม
สักพักอาการก็ดีขึ้น จนท.พยาบาลบอกว่า เกิดจากผลข้างเคียงของยาบล็อคหลัง อาจทำให้หน้ามืดใจสั่นได้ ที่สั่นคล้ายสั่นหนาวคงเพราะห้องผ่ามันเย็นพอผมได้ผ่าห่มเพิ่มก็ดีขึ้น และพยาบาลให้ผมลองขยับขา ปลายเท้าทั้ง2ข้างสามารถขยับได้ เจ้าหน้าที่รถเข็นก็มาเข็นผมขึ้นไปยังห้องที่ได้จองไว้

7 ความคิดเห็น:

  1. ขอคำแนะนำทีครับ ผมก็เป็น

    รู้สึกเหมือนมีไข้ มึนๆหัวด้วย

    ตอบลบ
  2. ผมก็เป็น ผมอยากทราบว่าคุณไปผ่าที่โรงพยาบาลไหนมา ผมจะได้ไปปลึกษาหมอบ้าง

    ตอบลบ
  3. ผมก็เป็นไปปรึกษาหมอที่โรงบาลบำรุ่งราษฎร์

    ราคาก็90000-110000

    ตอบลบ
  4. คำตอบ
    1. ช่วยตอบหน่อยได้ไหมคับว่ารพ.อะไร

      ลบ
  5. รักษาโรงพยาบาลไหนครับผมก็อยู่เจ็ดเสมียนราชบุรีเหมือนกันครับ

    ตอบลบ
  6. สรุปผมอ่านมาตั้งแต่ต้นจนจบ รพ.อะไรคับ?

    ตอบลบ